คติความเชื่อเรื่องครุฑ

83

คติความเชื่อเรื่องครุฑ

ครุฑ ที่ปรากฏในตำนานศาสนาพราหมณ์-ฮินดูครุฑ ที่ปรากฏในตำนานศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

ในคัมภีร์ฤคเวท ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู กล่าวถึงนกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “ครุตมัน” ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของชื่อ “ครุฑ” ในภายหลัง โดยเชื่อว่า ครุฑ คือพาหนะของพระวิษณุ หรือพระนารายณ์ ตามคติสมมุติเทพในยุคก่อนถือว่ากษัตริย์เสมือนพระนารายณ์อวตารลงมาปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข

คติความเชื่อเรื่องครุฑของไทยรับเอาความเชื่อในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูนี้มาเช่นกัน มีหลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่า สัญลักษณ์ครุฑปรากฏอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิตั้งแต่สมัยทวารวดีในรูปลักษณ์ของเทวรูป ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท (พบที่ตำบลคูบัว อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร) และปรากฏในรูปแบบสถาปัตยกรรมบนเทวสถานในประเทศไทย ทั้งเป็นศิลปะเขมร ศิลปะลพบุรี ศิลปะสุโขทัย

กระทั่งช่วงปลายสมัยสุโขทัยร่วมเข้าสู่สมัยอยุธยาไทยมีคติความเชื่อเรื่องเทวราชา ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากอารยธรรมอินเดียผ่านทางขอม โดยเชื่อกันว่า พระมหากษัตริย์เป็นสมมติเทพคือพระนารายณ์ผู้อวตารมาคอยปกปักรักษาปัดเป่าทุกข์และบำรุงสุขให้ปวงประชา ทรงมีพาหนะประจำพระองค์คือครุฑ ศิลปะงานช่างนับแต่นั้นจึงปรากฏครุฑเป็นเครื่องหมายสำคัญของพระมหากษัตริย์ไทยสืบต่อมายาวนาน

น่าเสียดายที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์บางส่วนมลายสิ้นไปกับกองไฟครั้งกรุงแตกพ่าย แต่ก็กล่าวได้ว่า ครุฑปรากฏเด่นชัดในสถาบันหลักทั้ง 3 ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชนใกล้ชิดกับตราครุฑ ที่ปรากฏครั้งแรกบนเงินพดด้วง ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

พญานกผู้ยิ่งใหญ่

ครุฑในคติพราหมณ์ฮินดูเชื่อว่ามีพญาครุฑเพียงหนึ่งเดียว แต่ในตำนานที่เล่าถึงนั้นมีหลากหลาย ในคัมภีร์ปุราณะบางตำรากล่าวไว้ว่าพญาครุฑ เป็นอวตารปางหนึ่งของพระนารายณ์ บางตำราก็ว่าพระนารายณ์เป็นผู้สร้างพญาครุฑขึ้นมาด้วยตนเอง และก็ยังมีบางตำราที่กล่าวไว้ว่าพญาครุฑนั้นถือกำเนิดขึ้นมาจากไข่ และถึงแม้พญาครุฑจะมีเพียงหนึ่งเดียวแต่ครุฑบริวารในแดนหิมพานต์กลับมีจำนวนมากมาย บ้างก็ว่าพวกครุฑเหล่านั้นอาศัยอยู่ตามป่างิ้วริมสระฉิมพลี ณ ตีนเขาพระสุเมรุ

แต่ครุฑในตำนานทางพุทธศาสนานั้น มิได้มีเพียงหนึ่งเดียวเหมือนอย่างครุฑในคติพราหมณ์ฮินดู ครุฑในทางพุทธศาสนาจัดเป็นเทวดาชั้นล่างประเภทหนึ่งภายใต้การปกครองของท้าววิรุฬหก ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศใต้ เหตุที่มาเกิดเป็นครุฑเพราะทำบุญเจือด้วยโมหะ พุทธศาสนายังมีการกล่าวถึงครุฑในพระไตรปิฎกด้วยว่าสามารถกำเนิดครุฑได้ถึง 4 แบบ คือ ออกมาจากไข่ (อัณฑชะ) เกิดในครรภ์ (ชลาพุชะ) เกิดจากเมือกไคล (สังเสทชะ) หรือเกิดขึ้นได้เอง (โอปปาติกะ) เหมือนอย่างเทวดา

ส่วนรูปร่างที่เกิดเป็นพญานกกึ่งมนุษย์อย่างที่คนไทยชินตานั้นก็ไม่ตายตัวเสมอไป ด้วยความเชื่อเรื่องครุฑมีแพร่หลายในหลายพื้นที่หลายประเทศ ครุฑจึงมีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามตำนานความเชื่อในแต่ละพื้นที่นั้นๆ  ได้แก่

ครุฑ ที่มีกายเป็นมนุษย์ แต่มีปีกเป็นนก

ครุฑ ที่มีกายเป็นมนุษย์ แต่มีศีรษะเป็นนก

ครุฑ ที่มีกายเป็นมนุษย์ แต่มีศีรษะและขาเป็นนก

ครุฑ ที่มีกายเป็นนก แต่มีศีรษะเป็นมนุษย์

และครุฑ ที่มีลำตัวกับศีรษะเป็นพญานก ซึ่งเป็นรูปแบบที่คนไทยเราสามารถพบเห็นกันโดยทั่วไปถึงปัจจุบัน

ในไตรภูมิพระร่วงกล่าวไว้ว่าพญาครุฑนั้นมีตัวใหญ่มากจนนับขนาดได้เป็น “โยชน์” ซึ่ง 1 โยชน์ เท่ากับ 16 กิโลเมตร กล่าวกันว่าพญาครุฑมีขนาดลำตัวใหญ่กว่า 50 โยชน์ วัดจากปีกซ้ายถึงปีกขวายาว 50 โยชน์ เมื่อครุฑกระพือปีกครั้งหนึ่งก็สามารถหอบเอาต้นไม้หรือสิ่งที่อยู่บนพื้นดินปลิวตามแรงลมขึ้นมาได้ แม้แต่บนผิวน้ำของมหาสมุทรยังแตกออกเป็นวนวงกว้างโดยรอบได้ถึง 100 โยชน์เลยทีเดียว

 

ทรงฤทธิ์ด้วยแรงคุณธรรม

พระนารายณ์ทรงสุบรรณ หน้าบันวัดราชบูรณะ

พระนารายณ์ทรงสุบรรณ หน้าบันวัดราชบูรณะ

ความยิ่งใหญ่และพละกำลังมหาศาลของพญาครุฑนี้ได้มาจากไหน?  หากว่ากันตามตำนานเก่าแก่ที่คนไทยคุ้นเคย พญาครุฑนั้นมีพลังตามแรงอธิษฐานของ “นางวินตา” มารดาผู้ให้กำเนิด ที่ในขณะตั้งครรภ์ตั้งมั่นขอพรให้บุตรของตนมีพละกำลังแกร่งกล้าเหนือผู้ใด ครุฑผ่านเวลาฟูมฟักจนออกจากไข่นานถึง 500 ปี ต่อมาเมื่อครั้งศึกแย่งชิงน้ำอมฤตจากพระจันทร์ พญาครุฑฝ่าอุปสรรคนานัปการด้วยเจตนาที่จะช่วยเหลือมารดาอย่างถึงที่สุดแม้จะต้องสละชีวิต

พระนารายณ์เห็นถึงคุณธรรมและความกตัญญู จึงประทานความเป็นอมตะแก่พญาครุฑ ไม่มีผู้ใดหรืออาวุธใดทำลายลงได้ แม้กระทั่งสายฟ้าของพระอินทร์ก็ได้แต่เพียงทำให้ขนของครุฑหลุดร่วงลงมาเพียงเส้นหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ครุฑจึงมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า “สุบรรณ” ซึ่งหมายถึง “ขนวิเศษ”

พระนารายณ์ยังให้พรสําคัญแก่ครุฑ คือ การอยู่สูงกว่าพระองค์ สถิตอยู่ที่ยอดเสาธงของพระนารายณ์ พญาครุฑจึงสละตนเองเป็นพาหนะของพระนารายณ์ร่วมแบกรับภารกิจยิ่งใหญ่ อันเป็นที่มาของสัญลักษณ์ “พระนารายณ์ทรงสุบรรณ” นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้พญาครุฑ จึงนับเป็นเทพชั้นสูงคู่บารมีพระนารายณ์ เปี่ยมด้วยอิทธิฤทธิ์อันแรงกล้าและยึดมั่นในหลักคุณธรรม พญาครุฑ  จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบความดีเป็นที่ประจักษ์ เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังอํานาจ คุณธรรม ความกตัญญูกตเวทิตาและความเสียสละ

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล :พิพิธภัณฑ์ครุฑ โดย ธนาคารทหารไทยธนชาต,ประวัติศาสตร์ ครุฑ จากสัตว์ถิ่นหิมพานต์สู่ตราประจำแผ่นดิน,iStock

ภาพ :พิพิธภัณฑ์ครุฑ โดย ธนาคารทหารไทยธนชาต

ความเห็นถูกปิด