ความเชื่อพญานาคแม่น้ำโขง
คนไทยและคนลาวมีความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค หรืองูขนาดใหญ่ที่มีฤทธิ์มาก ว่าอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง “ย้อนอดีตไปเมื่อประมาณ ๕,๐๐๐ ปี มีอาณาจักรโบราณแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณริม แม่น้ำโขงทั้ง ๒ ฝั่งอาณาจักรแห่งนี้มีความ เจริญรุ่งเรืองมาก ชาวเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ประชาชนมีจิตใจงดงาม เป็นคนดี มีศีลธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน มีความเคารพ กันตามลำดับอาวุโส ความดีงามเหล่านั้นก็ยัง สืบทอดมาเป็นวัฒนธรรมสองแผ่นดินไทย ลาวจนถึงในปัจจุบัน
มีเรื่องเล่าว่าปุโรหิตสำคัญท่านหนึ่ง เป็นผู้มีจิตใจดีงาม มีปัญญามาก ชำนาญแตกฉาน ในไตรเพท ก่อนจะมา เกิดเป็นปุโรหิต ท่านเคยสร้างบารมี โดยตั้งความปรารถนา ที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งใน อนาคต แต่อยู่ในระดับนึกในใจ ยังไม่เคยเปล่งวาจา หรือชักชวนใครให้ร่วมสร้างบารมีด้วย หลังจากนั้น ก็เวียนว่ายตายเกิด จนมาเป็นปุโรหิต ท่านปุโรหิตมีหน้าที่ประกอบพิธีกรรมบวงสรวงพญานาค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ ฝนตกต้องตามฤดูกาลเพราะประชาชนส่วน มากมีความเชื่อว่า นาคเป็นผู้ให้น้ำ ท่านปุโรหิตมีใจผูกพันกับพญานาคมาก จึงตั้งใจประกอบพิธีกรรมบวงสรวงทุกปี

เมื่อ หมดอายุขัย ด้วยจิตที่ผูกพัน จึงได้ไปบังเกิด เป็นพญานาค มี ชือว่า โอฆินทรนาคราช มีกาย สีทองสวยงามมาก และได้เป็นผู้ปกครองชุมชน นาคในระดับภุมเทวา ณเมืองบาดาล ใต้ลำน้ำ โขงซึ่งเป็นภพซ้อนภพ คือ เป็นภพละเอียด ของนาคซ้อนอยู่ในภพหยาบของโลกมนุษย์ และครอบคลุมดินแดนทั้งฝั่งไทยลาวชายหนุ่มผู้หนึ่งประทับดาบสผู้สำเร็จ บรรลุฌาน ๔ อภิญญา ๕ สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ เมื่อใกล้จะละโลก เขาได้เห็นนิมิตภาพที่ตนเองเคยถวายน้ำผึ้ง รวมกับความผูกพันที่มีต่อสายน้ำโขง และความเชื่อต่อเทพเจ้าแห่งลำน้ำ
ดังนั้นเมื่อละโลกแล้ว จึงไปเกิดเป็นบุตรของพญานาคราชโอฆินทร* ณ เมืองบาดาลใต้สองผืนแผ่นดิน ไทยลาว บริเวณลุ่มแม่น้ำโขง โดยเกิดแบบโอปปาติกะ บนตักของอัครมเหสี พญานาคราชดีใจ ที่ได้บุตรผู้มีบุญญาธิการ ได้ทำพิธีสมโภช และขนานนามแก่บุตรว่า มธุรนาคราชฝ่ายชาวบ้านที่มีจิตเลื่อมใสในพระดาบส และตามมาสักการะแต่ไม่พบ ภายหลังได้มา เกิดเป็นบริวารของสุวรรณมธุรนาคราช โดยเกิดเป็นนาคในกำเนิดต่างๆ ตามกำลังบุญ ของตน ซึ่งมีทั้ง ๔ กำเนิด คือโอปปาติกะ (เกิดแล้วโตทันทีเช่นเดียวกับเทวดานางฟ้า) สังเสทชะ (เกิดจากเหงื่อไคล หรือที่ชื้นแฉะโสโครก) ชลาพุชะ (เกิดในครรภ์เช่นเดียวกับมนุษย์) และอัณฑชะ (เกิดในฟองไข่เช่นเดียวกับงูทั่วไป)
พญานาคในลุ่มแม่น้ำโขง จะรำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะเสด็จลงจากดาวดึงส์เทวโลกแล้วเกิดปีติ จึงพ่นดวงไฟ หลากสีขึ้นมาเป็นพุทธบูชา”บั้งไฟพญานาค มีเฉพาะบริเวณลุ่มแม่น้ำ โขงเท่านั้น เพราะพญานาค ที่ลุ่มแม่น้ำโขงเป็น พวกมีสัมมาทิฏฐิ นับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เมื่อถึงวันออกพรรษา พญานาคในลุ่มแม่น้ำ โขง จะรำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขณะเสด็จลงจากดาวดึงส์เทวโลก แล้วเกิดปีติ จึงพ่นดวงไฟหลากสี ขึ้นมาเป็นพุทธบูชา จากดวงใจที่ใสบริสุทธิ์กลั่นมาเป็นดวงไฟที่ สดสวยงดงาม ผ่านสายน้ำขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะที่มนุษย์ทั้งสองฝั่งน้ำโขงต่างก็จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยไปพร้อมๆ กัน
นอกจากนี้ ทุกวันออกพรรษาจะมีประชาชนจำนวนมากไปเยือนริมฝั่งแม่น้ำโขงในประเทศไทย แถบอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย เพื่อดูปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ซึ่งสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดเป็นอย่างมาก จังหวัดที่มีปรากฏการณ์บั่งไฟพญานาคที่มีประชาชนนิยมไปเฝ้าดูมากที่สุด คือ จังหวัดหนองคายซึ่งในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีกลุ่มนักวิจัยจากหลายสถาบันได้ออกมาชี้ชัด หรือหาหลักฐานอธิบาย ปรากฏการณ์ดังกล่าว ว่าเกิดจากกลุ่มก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ในแม่น้ำโขง อาทิเช่น ก๊าซมีเทน เป็นต้น แต่ก็ยังไม่ได้มีหลักฐานชี้ชัดเป็นที่แน่นอน ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดจากการกระทำของพญานาค หรือ เกิดจากการกระทำของธรรมชาติกันแน่
ที่มา : relicssongpinongs.wordpress.com
ความเห็นถูกปิด