ตำนานทางสามแพร่ง จุดตัดเส้นทางโลกคนเป็นกับโลกหลังความตาย EP2
หลายคนเปรียบเทียบให้เห็นว่า ทางสามแพร่งเป็นเหมือนกับสถานที่ที่สายน้ำสามสายไหลมาบรรจบกันทำให้เกิดการกระทับกระทั่งที่รุนแรงและไม่มั่นคงจนอาจทำให้เกิดความเสียหายให้กับบริเวณโดยรอบได้ ในส่วนของทางสามแพร่งนั้นสิ่งที่ไหลมาบรรจบกันคือ “พลังงาน” ที่มองไม่เห็นนั่นเอง เมื่อได้รับพลังงานเหล่านี้ในปริมาณที่มากจนเกินไปก็อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงอุบัติเหตุที่น่าเศร้าได้เช่นกัน
เคล็ดลับการแก้อาถรรพ์ทางสามแพร่ง
ทางสามแพร่ง สามารถทำการแก้อาถรรพ์ได้ค่อนข้างง่ายมากกว่าที่หลายคนคิด เช่น หากบริเวณใดเป็นทางสามแพร่ง ให้ทำถนนหลอกเพิ่มขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งให้เหมือนกับบริเวณนี้กลายเป็นทางสี่แพร่ง โดยถนนดังกล่าวให้ดูคล้ายกับถนนจริงที่สามารถสัญจรเข้าไปได้เพียงเล็กน้อย
ทางสามแพร่งกับหลักฮวงจุ้ย
ศาสตร์ด้านฮวงจุ้ยเชื่อว่า บ้านที่ตั้งอยู่บริเวณทางสามแพร่งนั้นจะรับพลังงานที่มาพร้อมกับวิ่งผ่านของรถ แต่พลังงานเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะต้องเป็นพลังงานด้านลบเพียงอย่างเดียว ในขณะเดียวกันบ้านเรือน อาคารที่ตั้งอยู่ในบริเวณทางสามแพร่งนั้นจะมีช่วงจังหวะเวลาราว 20 ปี สลับพลังงานที่ได้รับทั้งดีและร้าย ถ้าหากอยู่ในช่วงเวลาที่รับพลังงานดีจากทางสามแพร่งก็จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองให้กับคนในบ้าน แต่ถ้าหกอยู่ในช่วงที่เป็นพลังงานทางลบ ก็สามารถที่จะทำการแก้เคล็ดเพื่อปกป้องบ้านจากอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยมีเคล็ดลับดังต่อไปนี้
เคล็ดลับฮวงจุ้ยในการแก้อาถรรพ์ทางสามแพร่ง
1.สร้างกำแพงบ้านเพื่อปิดกันพลังจากทางสามแพร่ง
สร้างกำแพงบ้านในทิศที่เป็นทางสามแพร่ง โดยต้องเป็นกำแพงที่สามารถปกปิดมิดชิดทึบบริเวณด้านล่าง
2.สร้างประตูรั้วบ้านให้เยื้องจากทางสามแพร่ง
ในการสร้างประตูรั้วบ้าน ควรสร้างให้เยื้องไม่ตรงกับทางสามแพร่งง เพื่อเป็นการป้องกันการเปิดรับพลังด้านลบที่มาจากทางสามแพร่ง และควรปิดประตูให้สนิททุกครั้งหลังจากการเข้าออก
3.เสริมต้นไม้ที่กำแพงบ้านเพื่อลดพลังจากทางสามแพร่ง
ต้นไม้สามารถช่วยลดพลังลบที่มาจากทางสามแพร่งได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยกรองฝุ่นและเพิ่มความร่มรื่นให้กับบ้านได้เป็นอย่างดี สำหรับต้นไม้ที่เหมาะในการปลูกบริเวณรั้วเพื่อลดพลังจากทางสามแพร่งได้แก่ ต้นโมก ต้นแก้ว ต้นชา หรือไม้ยืนต้น เป็นต้น
4.ไม่ควรติดตั้งกระจกให้อยู่ตรงกับประตูบ้าน
เชื่อกันว่าการติดตั้งกระจกตรงกับประตูบ้านจะทำให้โชคที่กำลังเข้ามายังบ้านเกิดการสะท้อนกลับออกไปจนหมด
5.สวนหน้าบ้านช่วยเสริมหลักฮวงจุ้ย
การเว้นพื้นที่เอาไว้บริเวณหน้าบ้านเพื่อจัดสวนหย่อมขนาดเล็ก ก่อนเข้าถึงตัวบ้าน นอกจากจะช่วยลดอาถรรพ์ที่มาจากทางสามแพร่ง ช่วยเสริมฮวงจุ้ยให้ดีมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการจัดสวนดังกล่าวไม่ควรให้อยู่ชิดกับตัวบ้านหรือรั้วมากจนเกินไปนัก
6.สร้างวงเวียนเอาไว้ก่อนถึงตัวบ้าน
เพื่อเป็นการแก้อาถรรพ์ทางสามแพร่งตามหลักฮวงจุ้ย หลายบ้านจะมีสร้างวงเวียนเอาไว้ก่อนถึงตัวบ้าน เพื่อเป็นการช่วยชะลอพลังงานจากทางสามแพร่งไม่ให้มีผลกระทบกับตัวบ้านโดยตรง
บทสรุปส่งท้าย : ทางสามแพร่งกับอาถรรพ์ ที่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์
หากอธิบายกันตามหลักการทางวิทยาศาสตร์จะเห็นได้ว่าทางสามแพร่ง เป็นสถานที่ที่มักเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เพราะเป็นเส้นทางที่รถบรรจบทั้งสามสายทำให้อาจเกิดการรบกวนและเป็นมุมอับสายตา นอกจากนี้ยังมีเรื่องของแสง เสียงและทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ค่อนข้างลำบากเพราะต้องให้ความระมัดระวังในหลายด้านทำให้เกิดอุบัติเหตุหลายต่อหลายครั้งกระทั่งกลายเป็นความเชื่อกันว่ามีความลี้ลับอาถรรพ์อยู่ในบริเวณทางสามแพร่งคอยพรากชีวิตของคนที่เดินทางผ่าน ตามความเชื่อของคนในสมัยก่อนที่หากมีการเสียชีวิตที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็จะทำการโทษภูตผีเอาไว้ก่อน เพราะเป็นเรื่องที่ง่ายดายที่สุด
นอกจากนี้ สิ่งรบกวนที่ได้กล่าวมาในตอนต้น ยังส่งผลกระทบต่อคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับทางสามแพร่งด้วย ทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความไม่สงบ ความเครียด สิ่งเหล่านี้เมื่อสะสมเป็นปริมาณนานวันเข้าก็จะนำไปสู่การเกิดอาการเจ็บป่วยซึ่งยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เชื่อเกี่ยวกับความอาถรรพ์ของทางสามแพร่งให้มากยิ่งขึ้นไปอีก และเมื่อได้ทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์และศาสนาแล้ว ด้วยความสบายใจก็จะทำให้ความเครียดที่สะสมมาสลายไปจนเชื่อว่าอาถรรพ์ได้หายไปจนหมดแล้วนั่นเอง อย่างไรก็ตามมีคนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ใกล้กับทางสามแพร่งที่ไม่ได้รับผลกระทบที่เหมารวมในเรื่องของอาถรรพ์ เนื่องจากคนเหล่านี้มีวิธีการผ่อนคลายลดความเครียดของตัวเองได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ศาลและต้นไม่ใหญ่ในบริเวณทางสามแพร่ง ที่มักมีการนำผ้าหลากสีไปผูกเอาไว้จำนวนมาก จนทำให้คนที่เห็นเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์กราบไหว้บูชา ที่จริงแล้วในสมัยก่อนอาจจะเป็นเพียงเพราะผ้าเหล่านี้ เมื่อกระทบกับแสงไฟจากรถยนต์ก็จะเกิดการสะท้อนแสงให้เห็นอย่างชัดเจน อันเป็นอุบายที่แยบยลในการเตือนผู้ที่สัญจรผ่านไปมาในเวลากลางคืนว่าเป็นทางสามแพร่งที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยเท่านั้น แต่ในปัจจุบันดูเหมือนว่าความเชื่อว่าสถานที่ใดมีผ้าสามสีผูกเอาไว้ย่อมเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นค่านิยมของคนไทยทั่วทุกส่วนของประเทศอย่างที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้แล้ว…
อ้างอิง : https://www.amorerana.com/articles/detail/Threecrossroads
ความเห็นถูกปิด