ตำนานพญานาคตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจุบัน

419

ตำนานพญานาคตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจุบัน

สำหรับเรื่องตำนานพญานาคนั้นได้มีการเล่าต่อๆกันมาอย่างช้านานตั้งแต่สมัยโบราณจวบกระทั่งปัจจุบันว่า พญานาค นั้นมักจะจำแลงแปลงร่างเนรมิตรูปกาย เป็นมนุษย์รูปร่างหน้าตาสวยงาม ขึ้นมานั่งฟังธรรมร่วมกับชาวบ้านตามวัดที่มีอาณาเขตอยู่ติดกับแม่น้ำใหญ่ๆในวันพระใหญ่ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา …อาทิ เช่นทุกๆ ปี ในคืน”วันออกพรรษา “หรือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ณ ลำน้ำโขงตรงจุดบริเวณรอยเชื่อมต่อระหว่าง”จังหวัดหนองคาย“กับ”เมืองเวียงจันทน์” โดยเฉพาะที่ อ.โพนพิสัย มักจะเกิดปรากฏการณ์อันน่าพิศวง ซึ่งก็น่าจะเป็นปรากฎการณ์ที่ทุกคนนั้นมีความคุ้นเคยและต่างก็รู้จักกันดีในนาม…“บั้งไฟพญานาค”

ซึ่ง บั้งไฟพญานาค นั้นมีจะมีรูปลักษณะเป็นลูกไฟประหลาดลักษณะคล้ายๆกับไข่ไก่สีแดงส้ม พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ลำน้ำโขงแล้วดับหายไปในอากาศ แบบไร้เสียงไร้ควัน ไร้กลิ่น ในช่วงระยะเวลาสั้นๆแค่เพียง 5-10 วินาที โดยเริ่มมีปรากฎให้เห็นตั้งแต่ช่วงเวลาหัวค่ำไปจนถึงกลางดึกที่ดูแล้วน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ตราบจนทุกวันนี้ บั้งไฟพญานาค ก็ยังคงเป็นปริศนาอันมืดบอดสนิท ไม่มีผู้ใดทราบความเป็นมาที่แน่ชัด รอคอยให้มนุษย์ผู้มีความขี้สงสัยใคร่รู้ทั้งหลายมาพิสูจน์และช่วยกันคบคิดต่อไปว่า..บั้งไฟพญานาค ที่เห็นกันนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร? บ้างก็เชื่อว่าเป็นการแสดงอิทธิฤทธิ์ของเหล่า พญานาค ที่อาศัยอยู่ใต้ลำน้ำโขง หรือ เมืองบาดาลบ้างก็ว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติส่วนบางคนว่าจริงๆแล้วบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์นั้นแหละ!! แต่ไม่ว่าบั้งไฟพญานาคจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งซึ่งถือเป็นสีสัน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็คือ เรื่องราวของเมืองพญานาคใต้ลำน้ำโขงช่วงเขต จ.หนองคายและเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งไปสอดรับกับเรื่องของพญานาคในทางพุทธศาสนา ที่มีบันทึกไว้ว่า…แต่เดิมทีเหล่าบรรดา พญานาค ที่อาศัยอยู่ในเมืองบาดาลนั่นมีนิสัยที่ดุร้ายมาก แต่เมื่อ พระพุทธเจ้า เสด็จมาโปรดสัตว์ ครั้นเมื่อเหล่าพญานาคในเมืองบาดาลได้ฟังพระธรรมเทศนาที่ พระพุทธเจ้า ทรงเมตตาแสดง(พระธรรมเทศนา)โปรดแก่เหล่าบรรดา พญานาค ที่อาศัยอยู่ในเมืองบาดาล พญานาค ต่างก็บังเกิดความเลื่อมใสศัทธาในพุทธศาสนาและหลักธรรมการปฏิบัติของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมากนับแต่นั้นเป็นต้นมา เหล่าบรรดา พญานาค ต่างก็เลิกนิสัยดุร้าย พากันหันหน้าเข้าสู่ทางธรรมฝึกการปฏิบัติสมาธิครองอุโบสถศีลให้ทานเป็นนิตย์ และมุ่งมั่นทำตามกฏระเบียบวินัย ที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงมีพระบัญญัติไว้อย่างเคร่งครัด ด้วยเหล่าบรรดา พญานาค นั้นต่างก็มีใจมุ่งหวังปรารถนาที่จะออกบวชเพื่อแสวงหาความสงบสุขดั่งเช่น พระพุทธเจ้า และมีความต้องการที่จะหลุดพ้นจากภพภูมิแห่งตน แต่ก็ติดตรงที่ พญานาค นั้นเป็นสัตว์จึงไม่สามารถที่จะบวชครองตนเปป็นสมณเพศอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ได้เช่นเดียวกันกับมนุษย์ ซึ่งกฏวินัยข้อห้ามข้อนี้เองที่ได้สร้างบาดแผลความเจ็บปวดรวดร้าวใจให้แก่บรรดา พญานาค อย่างแสนสาหัส “ในคัมภีร์มหาวรรค แห่งพระวินัยปิฎก”

ที่มา: tnews.co.th/social/408568/เรื่องเล่าขานตํานานพญานาคกับพระพุทธศาสนาตามความเชื่อที่สืบต่อกันมาแต่โบราณกาล!!

ความเห็นถูกปิด