ตำนานเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับทวดจระเข้

114

ตำนานเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับทวดจระเข้

ตำนาน(legend) หมายถึงเรื่องราวอันมีมานมนานและเล่าขานสืบทอดต่อๆกันมาโดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวเข้าทำนองประวัติศาสตร์ ประวัติต่างๆที่ ซึ่งอาจจะมีการเพิ่มเติมเสริมแต่งเนื้อเรื่องในบางตอนอันเกี่ยวข้องกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เข้าไปด้วยเพื่อตอบสนองความเชื่อและพลังศรัทธาเชื่อถือในตำนานบทนั้นๆ

ซึ่งใน เรื่องตำนานเล่าขานเกี่ยวกับทวดจระเข้ก็ปรากฏพบว่าเกิดรูปแบบทางความคิด รูปแบบทางความเชื่อที่ซึ่งแพร่หลายในสังคมของชาวไทยถิ่นใต้ ในทิศทางที่สอดคล้อง สัมพันธ์กันบ้างขัดแย้งกันบ้าง ผู้เขียนจึงใคร่ขอนำเสนอรูปแบบทางความคิดรูปแบบทางความเชื่อในแง่ตำนานเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับทวดจระเข้ที่ซึ่งแพร่สะพัดในสังคมของ ชาวไทยถิ่นใต้ไว้เพื่อสำหรับเป็นกรณีศึกษาแก่ท่านผู้สนใจสักเล็กน้อย ดังต่อไปนี้ ทวดแหลมจาก

เป็นความเชื่อของชาวบ้านตำบลเกาะใหญ่ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ตำนานทวดแหลมจากมีดังนี้กล่าวคือ ภายในอาณาบริเวณของหมู่ที่ 1 ตำบลเกาะใหญ่ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ปรากฏว่ามีถ้ำใหญ่อยู่แห่งหนึ่งที่ซึ่ง ณ ถ้ำแห่งนี้ เองชาวบ้านล้วนเชื่อกันว่าภายในถ้ำมีทรัพย์สมบัติ แก้วแหวนเงินทอง ถ้วยชามที่เป็นทองคำฝังเอาไว้อยู่ภายในเป็นจำนวนมาก และภายในถ้ำนี้เองปรากฏว่ามีจระเข้ใหญ่ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นจระเข้เจ้าและศักดิ์สิทธิ์

พร้อมทั้งขนานนามให้ว่า “ทวดแหลมจาก” มีหน้าที่เฝ้าปกปักรักษาทรัพย์สมบัติดังกล่าวอยู่ คนแต่ครั้งโบราณหรือชาวบ้านในสมัยก่อนจะสามารถเข้าไปหยิบยืมทรัพย์สมบัติ ต่างๆของทวดแหลมจากได้แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องนำมาคืนในระยะเวลาที่กำหนด ครั้งกาลต่อมามีคนพาลเข้าไปหยิบยืมทรัพย์ของทวดแล้วไม่ได้นำไปคืนให้

 

ทวดแหลมจากจึง โกรธและปิดถ้ำลงด้วยหินก้อนขนาดใหญ่ตรงบริเวณปากทางเข้าถ้ำ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครสามารถเข้าไปหยิบยืมทรัพย์สมบัติของทวดได้อีก แต่ชาวบ้านในบริเวณพื้นที่ดัง กล่าวก็ยังเชื่อว่าทวดแหลมจากในรูปของจระเข้ทวดขนาดใหญ่ยังคงสถิตอยู่ภายในถ้ำแห่งนั้น

ทวดท่าข้าม หรือ ทวดพญาท่าข้าม

เป็นความเชื่อของชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำนานทวดท่าข้าม หรือทวดพญาท่าข้าม มีดังนี้กล่าวคือ เชื่อกันว่าทวดท่าข้ามเป็นจระเข้ใหญ่มีถิ่นที่อยู่ อาศัยภายในบริเวณวังน้ำของควนท่าข้าม หรือควนพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 

กล่าวกันว่าทวดท่าข้ามเป็นเทวดากึงสัตว์มีฤทธิ์เดชแก่กล้าสามารถ ยามใดที่แผดเสียง คำรามฟ้าดินจะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งบาง อยู่มาวันหนึ่งทวดท่าข้ามคิดถึงสาวคนรักนาม “แม่ศรีขวัญทอง” อันเป็นนางพญาจระเข้มีที่สถิตอยู่ ณ วังวนตรงบริเวณปากคลองอี ปันซึ่งเชื่อมต่อกับแม่น้ำตาปี(แม่น้ำหลวง)

 

เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วทวดท่าข้ามจึงได้กระโจนลงน้ำแหวกว่ายกระแสธารเดินทางไปหาแม่ศรีขวัญทองในทันที แต่ปรากฏว่าขณะ เดียวกันนั้นเอง “ทวดยอดน้ำ” หรือ “พญายอดน้ำ” ซึ่งเป็นงูทวดขนาดใหญ่(บ้างก็ว่าเป็นงูเทวดา) ก็เกิดมาชอบพอกับแม่ศรีขวัญทองอยู่เช่นเดียวกัน จึงเกิดการต่อสู้นอง เลือดของสองพญาสัตว์ขึ้น

 

หลายวัน หลายคืน นานเข้าจนน้ำในลำคลองขุ่นข้นไปด้วยกระแสโลหิตของพญาสัตว์ทั้งสอง ในที่สุดทวดยอดน้ำเริ่มอ่อนแรงลงจนเป็นฝ่ายพ่าย แพ้และจำต้องล่าถอยกลับไป เนื่องด้วยสายโลหิตอันแดงฉานที่ปกคลุมบริเวณพื้นที่ดังกล่าวยังผลให้พื้นดินเปลี่ยนเป็นสีแดงจึงได้ชื่อ “บ้านย่านดินแดง” หรือ อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในปัจจุบัน

ทวดยอดน้ำ หรือ พญายอดน้ำ นั้นคนโบราณแทนด้วยลำคลองอีปันอันคดเคี้ยวไหลลงมาจากภูเขา ฤดูน้ำหลากน้ำจะเชี่ยวกรากเป็นอันตรายอย่างยิ่ง สำหรับผู้สัญจรโดยทางเรือ ทวดท่าข้าม หรือ พญาท่าข้าม แทนด้วยแม่น้ำตาปี(แม่น้ำหลวง) ส่วนแม่ศรีขวัญทองอันเป็นนางพญาจระเข้นั้นแทนด้วยจุดบรรจบของแม่น้ำทั้ง สองสายนัยจะบอกให้รู้ว่าคลองอีปันหรือทวดยอดน้ำนั้นพ่ายแพ้ถอยล่นกลับไปเพราะช่วงฤดูน้ำหลากมีแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆเพียงเท่านั้น

ทวดโต๊ะหินขวาง

เป็นความเชื่อของชาวจังหวัดกระบี่ เรื่องราวของตำนานทวดโต๊ะหินขวางมีดังนี้กล่าวคือ นานมาแล้วในจังหวัดกระบี่มีชายยากจนคนหนี่งชื่อ “สูเฉม” มี อาชีพจับปลาในคลองกระบี่ใหญ่(คลองใหญ่) สูเฉมทำมาหากินด้วยความขยันขันแข็งเรื่อยมา จนในที่สุดก็พบรักกับสาวงามนามว่า “สูฝาย” แต่เนื่องด้วยสูเฉมมีฐานะยากจน ไม่มีเงินทองพอที่จะไปสู่ขอสาวคนรักได้ จึงได้เดินทางมาทำการ “บน” ต่อศาล “โต๊ะหินขวาง” อันเป็นศาลเจ้าเล็กๆตั้งอยู่ริมคลองกระบี่ใหญ่

ซึ่งตรงกลางของคลองกระบี่ใหญ่นี้เองมีแนวหินดานพาดผ่านร่องน้ำจึงได้ชื่อตามลักษณะปรากฏว่า “หินขวาง” สูเฉมทำการบนบานต่อศาลโต๊ะหินขวางว่า ต้องการขอให้เจ้าที่ ซึ่งก็คือ “ทวดโต๊ะหินขวาง” ทำการช่วยขอให้ตนนั้นจับปลาได้ในปริมาณมากๆ

 

เพื่อจะได้นำไปขายได้เงินมาแต่งงานกับสาวคนรักได้ ในขณะเดียวกันนั้นเองลึกลงไปจนสุด ก้นคลองอันเป็นวังน้ำลึกมีจระเข้น้อยใหญ่อาศัยอยู่หลายพันตัว ตัวที่เป็นเจ้าที่เจ้าวังดังกล่าวปรากฏกายในรูปลักษณ์ของจระเข้ใหญ่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นทวดจระเข้ หรือ จระเข้เจ้า เรียกว่า “ทวดโต๊ะหินขวาง” ซึ่งทวดโต๊ะหินขวางเองก็รับรู้ถึงแรงอธิษฐานของสูเฉมดีจึงนำพาบริวารนับได้หลายพันตัวช่วยกันไล่ต้อนปลาในคลองกระบี่ใหญ่มารวม กันบริเวณโต๊ะหินขวาง

 

ฝ่ายสูเฉมจึงตั้งจิตอธิษฐานต่อว่าหากปลาตัวใดถึงที่ตายแล้วก็ขอให้ว่ายขึ้นมาบนโต๊ะหินขวาง ในที่สุดสูเฉมก็สามารถตักปลาได้จนเต็มลำเรือเมื่อนำ ปลาไปขายแล้วสามารถมีเงินมากพอที่จะไปสู่ขอสาวคนรักได้ หลังจากนั้นผู้คนก็นิยมมาบนบานต่อศาลโต๊ะหินขวางกันอย่างแพร่หลาย

ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องจระเข้ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน

จระเข้กับความฝัน ในตำราทำนายฝันเชื่อกันว่าถ้าฝันเห็นจระเข้ตาย จะมีเคราะห์ร้ายเข้ามาหาตัว เพื่อนสนิทจะคิดร้ายและทรัพย์สินจะเสียหาย หากถูกจระเข้กัดอย่าให้จิ้งจกเลียแผล เชื่อว่าหากถูกจิ้งจกเลียแผลแล้วจะตาย

จระเข้กับก้อนหินในท้อง เชื่อกันว่าหากจระเข้เดินทางผ่านวังน้ำใดก็ตามแต่ มันจะต้องกลืนก้อนหินขนาดเท่าไข่ไก่กลมเกลี้ยงไว้ในท้อง 1 ก้อน ดังนั้น หากทำการผ่าท้องของจระเข้ออกมาแล้วพบก้อนหินจำนวนเท่าใด ก็เชื่อกันว่าก้อนหินจะเป็นตัวบ่งบอกว่าจระเข้ตัวนั้นได้เคยเดินทางผ่านวังน้ำมาแล้วเป็นจำนวนเท่ากับก้อน หินในท้องของมัน

หินในท้องของจระเข้ เชื่อกันว่าหากเอาหินที่ได้จากท้องของจระเข้ไปใส่ลงในตุ่มน้ำจะทำให้ปลอดภัยจากโรคห่า(อหิวาตกโรค)รวมถึงโรคมาลาเรีย,โรคไข้ป่า เป็นต้น

 

ข้อมูล
http://www.siamsouth.com

 

ความเห็นถูกปิด