พระร่วงวาจาสิทธิ์ – ขอมดำดิน – เดโชดำดิน! ตำนาน – พงศาวดาร หรือ นิทาน !! (ตอน 3)
ครั้งนั้นยังมีสองตายายอยู่ที่ตำบลพูขอน ใกล้เขาหลวง หากินทางจับสัตว์น้ำตามลำธารหนองบึงในย่านนั้น วันหนึ่งเอาสุ่มกับข้องออกไปหาปลา เห็นผ้าแดงผืนหนึ่งวางอยู่ข้างลำธารจึงเก็บไปด้วยความดีใจ ครั้นสุ่มปลากลับได้คางคกก็โยนทิ้ง เมื่อสุ่มต่อไปทั้งวันก็ไม่ได้ปลาเลย ได้แต่คางคกตัวเดิม จนตาโกรธจะฆ่าคางคกทิ้ง คางคกจึงอ้อนวอนว่า บิดาท่านอย่าฆ่าข้าเลย จงเลี้ยงไว้เถิด ข้าจะรักษาเฝ้าเรือนท่านให้ สองตายายได้ยินคางคกพูดภาษามนุษย์ได้ก็ดีใจ คิดว่าทั้งสองก็ไม่มีบุตรด้วยกัน เอาคางคกตัวนี้ไปเลี้ยงไว้เป็นบุตรเราเถิด

ตายายจึงเอาคางคกใส่ข้องตอนกลับบ้าน แต่ระหว่างทางเดินมาคางคกก็ร่วงจากข้อง ครั้นจับใส่ไม่นานก็ร่วงอีก ต้องจับใส่อยู่หลายครั้งกว่าจะถึงบ้าน จึงให้ชื่อคางคกนั้นว่า “ออร่วง”
ระหว่างที่ตายายออกไปหาปลาก็ปล่อยให้คางคกเฝ้าบ้าน เมื่อตายายกลับมาก็พบอาหารโอชารสต่างๆใส่ภาชนะไว้ด้วยฤทธิ์นาค แต่ตายายกลับคิดไปว่ามีคนอยากให้ตัวตาย จึงเอาอาหารใส่ยาพิษมาให้ ตายายคิดถึงความแก่ชราของตน หากมีคนเขาอยากให้เราตายก็ดี จะได้พ้นทุกข์เสียที จึงชวนกันกินอาหารนั้น อาหารก็อร่อย กินแล้วก็ไม่ตาย สองตายายจึงแปลกใจ และเป็นเช่นนี้อยู่ทุกวัน วันหนึ่งตายายจึงแกล้งออกจากบ้านแล้วย้อนกลับมาซุ่มดู ก็เห็นทารกออกมาจากร่างคางคก แล้วนิมิตโภชนาอาหารขึ้น ตาจึงย่องเข้าไปชิงเอาคางคกโยนใส่เตาไฟ แล้วกอดทารกนั้นไว้ ทารกจึงเป็นที่รักใคร่ของตายายดังลูกแท้ๆของตน และเรียกว่า “เจ้าร่วง” ตลอดมา
เจ้าร่วงบังเกิดเมื่อจุลศักราช ๕๙๑ หรือ พ.ศ.๑๗๗๒ เมื่อโตขึ้นมีรูปโฉมงดงาม มีบุญญาธิการ และมีวาจาสิทธิ์ กระทำสิ่งใดก็สำเร็จในสิ่งนั้น ชอบเล่นว่าว ช่วยตายายทำงานด้วยความขยันขันแข็ง
อยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชจะให้ปลูกปราสาทในเมือง จึงให้จัดหาไม้ไผ่และไม้จริงจำนวนมาก ตายายได้รับมอบหมายให้หาไม้ไผ่มาร้อยลำ เมื่อตาตัดได้ครบแล้วจึงบอกเจ้าร่วงให้ช่วยขน เจ้าร่วงก็จับไม้ไผ่ลำเดียวลากไปพร้อมกับเรียกไม้ไผ่ทั้งกองให้ตามมา ไม้ไผ่ทั้งหมดก็ตามไปจนถึงที่จะสร้างปราสาท
ในวันที่ได้ฤกษ์ยกเสาปราสาท คนจำนวนพันพากันยกเสาลงหลุม แล้วก็ตั้งไม่ตรงเลยสักต้น ผลักกันจนเหนื่อยจึงต้องหยุดพัก เจ้าร่วงเดินไปจับเสาต้นหนึ่งแล้วร้องสั่งให้เสาทุกต้นจงตั้งตรง เสาที่เอียงเหล่านั้นก็ตั้งตรงหมดทุกต้น คนทั้งหลายเห็นเป็นอัศจรรย์ ก็คิดว่าเจ้าร่วงคงจะไม่ใช่มนุษย์แน่ ชะรอยจะเป็นเทวดา จึงพากันไปกราบทูลพระเจ้ากรุงสุโขทัย
พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชจึงให้นำตายายและเจ้าร่วงเข้าเฝ้า วันนั้นเจ้าร่วงห่มผ้าแดงขมวดพระธำมรงค์ไว้ที่ชาย พระเจ้ากรุงสุโขทัยเห็นผ้าแดงก็จำได้ และเมื่อทรงไต่ถามตายายว่าบ้านช่องอยู่ไหน ได้ผ้าแดงมาอย่างไร และเจ้าร่วงเป็นใคร ก็ทรงแน่ใจว่าเจ้าร่วงนั้นคือราชโอรสของพระองค์ที่เกิดจากนางนาค จึงขอเจ้าร่วงจากสองตายาย แล้วทำขวัญสมโภชถึง ๓ วัน ๓ คืน จากวันนั้นเจ้าร่วงก็เป็นที่รักใคร่เสน่หาของพระเจ้ากรุงสุโขทัย
เจ้าร่วงได้เฝ้าอุปัฏฐากพระราชบิดามาช้านาน มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงขอถวายบังคมลาไปบวชเป็นสามเณรเพื่อเล่าเรียนพรหมจรรย์ ต่อมาก็อุปสมบทเป็นพระภิกษุ
ในขณะนั้นเมืองต่างๆในเขตแดนย่านนี้ ไม่ว่าจะสุโขทัย ละโว้ ต่างก็ตกเป็นเมืองขึ้นของขอม ต้องตักน้ำใส่ตุ่มส่งไปถวายพระเจ้ากรุงกัมพูชา วันหนึ่งพระภิกษุร่วงเห็นเขาขนตุ่มน้ำใส่เกวียนไปเช่นนั้น จึงว่าต่อไปนี้อย่าเอาน้ำใส่ตุ่มให้หนักเลย เอาไม้ไผ่สานเป็นตารางบนเกวียน แล้วตักน้ำเทใส่ตารางขังไปก็ไม่รั่ว เมื่อคนเหล่านั้นทำตาม น้ำก็ขังอยู่ในตารางอย่างน่าอัศจรรย์
ขอขอบคุณ : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9600000029158
เผยแพร่: 22 มี.ค. 2560 10:57 โดย: สุวิชชา เพียราษฎร์
ความเห็นถูกปิด