เมืองลับแลที่หินกอง

392

เมืองลับแลที่หินกอง

“ที่หมู่บ้านเขาหินกอง บนยอดเขาที่วัดหินกองมีร่องรอยหินแตกยุบตัวลงไป ก็ว่าเป็นการปิดปากถ้ำของชาวลับแล”

เมืองลับแลที่เขาแง่ม
“และที่หมู่บ้านเขาแง่มก็ว่ามีถ้ำของชาวลับแลเหมือนกัน”

อ.สุรินทร์ ให้ความเห็นในตอนท้ายเกี่ยวกับเมืองลับแลนี้ว่า เจ้าของนิทานที่เล่าเกี่ยวกับเมืองลับแลที่เชิงเขาวังสะดึง เขาหินกอง เป็นคนไทยเชื้อสายลาวเวียงจันทน์ ที่เขาน้อยเทียมสวรรค์เป็นลาวยวน แต่ที่เขากลางตลาดเป็นลาวเวียงและลาวโซ่ง ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ที่ไหนมีนิทานเรื่องนี้ สามารถทายได้เลยว่าผู้คนกลุ่มนั้นหรือชุมชนนั้นมีเชื้อสายไทย – ลาว

เขากลางตลาดจอมบึง ที่มาของภาพ http://www.chombung.com/modules.php?name =Content&pa=showpage&pid=7

เมืองลับแลที่วัดป่าโป่งกระทิง
“วันหนึ่งเวลาบ่ายจัด ๆ ข้าพเจ้าเดินเที่ยวมองดูวิวทิวทัศน์ไปเรื่อย ๆ คนเดียว ผ่านไปตามทางเดินชายป่า มีต้นไม้ใหญ่คล้าย ๆ ต้นยูคาลิปตัสปลูกอยู่แถวเดียวริมทางเดิน สายตาเหลือบไปเห็นหลุมกว้างหลังต้นไม้ มีเสียงคนดังก้องอยู่ภายในหลุมนั้น จึงเดินเข้าไปดู เห็นเป็นบันใดเป็นขั้น ๆ แน่ใจว่าเป็นทางเดินลงไปข้างล่าง มันเป็นเวลาว่างของข้าพเจ้าพอดีเห็นว่ามีเวลาเหลือจึงเดินลงไปตามขั้นบันใดนั้นประมาณไม่เกิน 10 ขั้นก็ถึงพื้นดิน

มีผู้คนมากมาย เล่นกีฬาออกกำลังกาย การเล่นต่าง ๆ บางคนก็เดินไปทำธุระ บางคนก็เดินไปจับจ่ายสิ่งของ บรรยากาศร่มเย็นไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนข้างบนเลย และก็ไม่หนาวนัก ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส เยือกเย็นสดชื่น ข้าพเจ้าได้มีโอกาสพูดคุยกับคนที่นั่นด้วย ทุกคนให้ความเป็นกันเองไม่ถือตัวหรือมีอาการเย่อหยิ่งให้เห็นเลย ถามอะไรเขาก็ตอบให้เข้าใจหมด ถามถึงร้านขายอาหารว่าอยู่ทางไหน เขาก็ชี้มือบอกด้วยความเต็มใจยิ้มแย้มน่ารักและนำไปส่งจนถึงร้าน

ข้าพเจ้าเดินไปหาร้านอาหาร มีทั้งอาหารคาวหวาน ผลหมากรากไม้มากมาย ครั้นพบของที่อยากรับประทานก็เดินเข้าไปจะซื้อแต่คลำหาสตางค์ในกระเป๋าไม่พบ จึงต้องเสียเวลาเดินกลับขึ้นไปข้างบนอีกเที่ยวหนึ่ง ใช้เวลานานพอสมควรไปถึงรถที่จอดอยู่ห่าง ๆ ได้สตางค์แล้วก็เดินกลับไป ลงตามบันใดไปที่เดิมหวังจะซื้อของอร่อยมารับประทานให้สมอยาก

พลันได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดด้วยเสียงดังว่า ประตูจะปิดแล้วให้รีบกลับ ทันใดนั้นก็มีคนหลายคนเดินนำหน้าข้าพเจ้าขึ้นไปตามบันใดทางขึ้น ข้าพเจ้าก็รีบเดินตามเขาไป พอถึงบันใดขั้นบนสุดคนเหล่านั้นวกกลับลงไปอีก และดันหลังให้ข้าพเจ้าขึ้นไปแต่ผู้เดียว พอขึ้นพ้นออกมาแล้วประตูก็ปิดลงทันที

ข้าพเจ้าเดินออกไปที่ทางเดินหน้าต้นไม้ที่เดิมแล้วเหลียวหลังไปมอง ไม่มีร่องรอยทางลงหรือประตูอะไรทั้งนั้น เป็นพื้นดินราบเรียบแถมยังมีต้นหญ้าขึ้นปกคลุมเสียด้วย ไม่ติดใจอะไรได้แต่เดินกลับมา

จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาหลายเดือนจนบัดนี้เดือน พฤษภาคม 2553 ภาพวิวตรงนั้นยังติดตาอยู่ จึงนำมานึกทบทวนว่าตัวเราก็ไปเที่ยวพักผ่อนและเที่ยวธุดงค์มาหลายแห่ง จำได้ว่าสถานที่แบบนั้นอยู่ใกล้วัดป่าลัน เชียงราย หรือวัดป่าโป่งกระทิง ราชบุรีกันแน่นะ แล้วเมืองที่เราลงไปคือเมืองอะไร พลันนึกได้ว่า อ๋อ น่าจะเป็นเมืองลับแลหรือเมืองบังบดนั่นเอง เพราะจนถึงเวลานี้จะไปหาอีกก็ไม่พบ มิน่าเล่า ชาวเมืองเขาจึงไล่เราให้รีบออกจากเมืองเพราะเขาจะปิดประตู และที่สำคัญเราไม่ใช่คนเมืองนั้น เขาอนุญาตให้เราเข้าไปเพราะเราเองเป็นคนมีสัจจะ ไม่พูดโกหกใครและไม่โกหกตัวเอง

ข้าพเจ้านำเรื่องนี้มาเล่าเป็นอุทธาหรว่าถ้าผู้ใดมีศีลมีสัจ ก็จะได้พบอะไรดี ๆ แปลก ๆ” ผู้เล่า สมุท

หากท่านผู้อ่านท่านใดมีเรื่องเล่าหรือตำนานเกี่ยวกับเมืองลับแลในราชบุรี แล้วช่วยเพิ่มข้อมูลไว้ท้ายบทความนี้ด้วยนะครับ เผื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มาค้นคว้าหาความรู้ต่อไปในภายภาคหน้า

 

ขอขอบคุณข้อมูล : http://rb-history.blogspot.com/search/label/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%A5

ที่มาข้อมูล :
ตำนาน/นิทาน : ราชบุรี.(2553). เมืองลับแลเขาวังสะดึง. [Online]. Available :http://kanchanapisek.or.th/oncc-cgi/text.cgi?no=18292 . [2554 ,มกราคม 18 ].
มุขปาฐะ.(2553). เขางู : โครงการพัฒนาองค์ความรู้ด้านวัฒนธรรม.[Online]. Available :http://folklore.culture.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=153:2010-04-04-19-00-36&catid=85:2009-11-21-07-45-58&Itemid=69 . [2554 ,มกราคม 18 ].
Smooth. (2553). ไปเที่ยวเมืองลับแลหรือเมืองบังบด : ห้องนิทานธรรมะ.[Online]. Available :http://watpabankor.com/webboard/index.php?topic=224.0. [2554 ,มกราคม 18 ].
สุรินทร์ เหลือลมัย.(2549). ตำนานจอมบึง : สถานีตำรวจภูธรอำเภอจอมบึง. .[Online]. Available :http://www.chombung.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=7. [2554 ,มกราคม 18 ].

ความเห็นถูกปิด