เรื่องราวอาถรรพ์ วัดกระช้าย จากคนพื้นที่เล่าให้ฟัง
ผมได้สอบถามคนในพื้นที่คนหนึ่ง ในเรื่องความอาถรรพ์ ก็ได้ทราบว่า จากการบอกเล่ามีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาขุดกรุ เพื่อหาสมบัติที่วัดแห่งนี้ และได้เกิดอาถรรพ์ ว่าระหว่างการขุดได้มีน้ำไหลทะลักเข้ามาจนต้องแหวกว่ายกันออกมา แต่ปรากฏว่าแท้จริงแล้วไม่มีน้ำท่วมมาจากที่ใดเลย โดยที่ญาติได้ตามหาตัว จนเห็นว่าทำท่าว่ายน้ำอยู่บนพื้นดิน จนเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ซึ่งอาจจะเป็นความอาถรรพ์ของสถานที่
นอกจากนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ได้กล่าวถึงความแปลกที่มักมีคนเดินทางมาฆ่าตัวตายภายในวัดนี้หลายศพ ทั้งชาวไทยและต่างชาติ จึงเป็นที่กล่าวขานถึงความหลอน ความเฮี้ยนที่เสริมความเชื่อด้านความเร้นลับมากยิ่งขึ้น
บันทึกการสำรวจของ อาจารย์ น. ณ ปากน้ำ
อาจารย์ น. ณ ปากน้ำ ได้มาสำรวจวัดกระช้าย เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 ได้เขียนไว้ในหนังสือห้าเดือนกลางซากอิฐปูนที่อยุธยาไว้ว่า มีเจดีย์ทรงกลมสูงแบบแปดเหลี่ยม เหลือโดดๆ อยู่เพียงองค์เดียว ด้านเหนือของเจดีย์มีบึงกว้างใหญ่ยาวเหยียดเห็นลิบลิ่ว ตัวบึงโอบล้อมวัดจนรอบ ต้องเดินอ้อมและลุยโคลนหาทางเข้าทางทิศตะวันออก
เจดีย์ก่อด้วยอิฐขนาด 30*16*15 เซนติเมตร อิฐที่ฐานเจดีย์เป็นอิฐขนาดใหญ่ 34*16.5*11.5 เซนติเมตร ในองค์เจดีย์ก่อเป็นโพรงคล้ายกับวัดนางคำในคลองกุฎีดาว ฐานบัวคว่ำบัวหงายแปดเหลี่ยมซ้อนกันเป็นชั้นๆ มีซุ้มประตูเข้า และมีการเจาะช่องลมโดยรอบ เข้าใจว่าข้างในคงจะมีเจดีย์เล็กสำหรับประดิษฐานสิ่งสักการะบางอย่าง เดี๋ยวนี้ไม่เหลือร่องรอยอะไรให้เห็น แต่เดิมเจดีย์คงอุดตัน เพราะเห็นรอยคนร้ายลักขุดทะลวงตรงคอระฆังด้านบนติดกับบัลลังก์เป็นรูปกว้าง ทะลุลงไปยังโพรงข้างใน หากมีการบรรจุทรัพย์สมบัติไว้ในห้ององค์เจดีย์ ก็แน่ใจว่าคนร้ายเอาไปกินเสียหมดแล้ว อันข้าวของสมบัติที่บรรจุไว้ในเจดีย์ คงจะมีจำนวนมากมิใช่น้อย นึกแล้วก็ออกเสียดาย จนไม่อยากคิดถึง ต้องรีบปลงเสียโดยเร็ว
หนังสือห้าเดือนกลางซากอิฐปูนที่อยุธยา ของ อ. น. ณ ปากน้ำ
(ความเร้นลับ) เจดีย์วัดกระช้ายถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ร่ำลือของชาวบ้านแถบชายทุ่ง บ้างก็ว่ามีคนลากปืนมายิงนกบนเกาะนี้ ยิงไม่ออกแม้แต่นัดเดียว หลายรายบอกว่าวันดีคืนดีจะเห็นคนนุ่งขาวห่มขาวเดินบนคันนาเป็นขบวนใหญ่ ตรงเข้าไปเดินประทักษิณรอบองค์เจดีย์ ตรงนั้นน่าจะเป็นเมืองลับแลหรือเมืองพญานาคอย่างใดอย่างหนึ่ง
เจดีย์สูงใหญ่ตั้งโดดเดี่ยวกลางทุ่ง มุมแปดเหลี่ยมตรงฐานเจดีย์วัดได้ด้านละ 4 เมตร อุโบสถไม่เหลืออะไร มีแต่ฐาน พบชั้นศิลาแลงเป็นรากฐาน ล้วนเป็นศิลาแลงก้อนโตๆทั้งนั้น การก่อเจดีย์โพรงเช่นนี้ เคยเห็นที่วัดนางคำ วัดสนามไชย วัดเสลี่ยง และวัดพญากง เทคนิคการก่อชำนาญมาก ข้างในเป็นโพรงกว้างขวางและวางอิฐเป็นระเบียบเรียบร้อย ผนังเจดีย์ไม่หนานัก ดูจะเป็นคติเก่าเลียนแบบมาจากการก่อสร้างของลพบุรี คือเดิมก่อด้วยดินดิบวาง ข้างในเป็นโพรง แล้วเอาไฟสุมเผาเจดีย์ทั้งองค์ โดยไม่ใช้ปูนสอ ก็จะกลายเป็นเจดีย์ไปทั้งองค์ สมัยต่อมาเมื่อต้องการสร้างเจดีย์ให้มีขนาดใหญ่ดังเช่นวัดกระช้ายนี้ ก็ยังอาศัยการก่ออิฐไม่สอปูนตามคติเดิม ซึ่งยังเรียงอิฐข้างในให้มีระเบียบแบบแผน จึงถือว่าเป็นเจดีย์รุ่นเก่าก่อนกรุงศรีอยุธยา
พบพระพุทธรูปหินทรายขาวเกลื่อนกลาดไม่มีเศียร ถูกเหล่ามิจฉาชีพเด็ดเอาไปเสียหมด และพบกระเบื้องเชิงชาย รูปร่างแปลก เป็นลายอโยธยาไม่เคยเห็นที่ไหนเลย
ที่มาข้อมูล : https://www.faiththaistory.com/horrible-temple/?fbclid=IwAR2WtwIFUG_oSrv49MpbfEQFBJaTyYCXbrBcoYKzj2rZfRn3BDQ2E9FkJlU
ความเห็นถูกปิด