เรื่องเล่าลึกลับ บนภูกระดึงของคนที่ปากล้าท้าทายสิ่งที่มองไม่เห็น ตอนที่ 3

127

เรื่องเล่าลึกลับ บนภูกระดึงของคนที่ปากล้าท้าทายสิ่งที่มองไม่เห็น ตอนที่ 3

พอมาถึงห้องพยาบาลมีเจ้าหน้าที่มารับตัวบอยไป ซึ่งตอนนั้นตัวบอยไม่หนักเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนอีก 8 คนที่เหลือ ก็เดินมาด้วยแสงไฟจาก

โทรศัพท์และเห็นพี่ทหารสองคนวิ่งมาเหมือนจะมาช่วยแต่พอออกไปยังพื้นที่สว่าง 2 คนนั้นก็หายไปแล้ว

จากนั้นบอยได้สติกลับมาแล้วเล่าว่ามีผู้ชายตัวใหญ่ตาสีแดง มาทำให้เขาล้มแล้วกดหน้าอกเขาไว้ในตอนที่เพื่อนๆ ช่วยกันแบกเขานั่นเอง

ในเวลาเช้าพวกเขาถามหาเจ้าหน้าที่ที่ช่วยเขาไว้เมื่อคืนเพื่อจะขอบคุณ แต่ก็ไม่มีใครรู้จักหรือเคยเห็นเจ้าหน้าที่คนนั้นเลย แล้วทหารอีก 2 คนที่ทำ

เหมือนจะมาช่วยอีก 8 คน ก็ไม่มีใครพบเห็นเช่นกัน และมีแม่ค้าบอกกับพวกเขาว่า คงเป็นผู้ช่วยองค์พุทธเมตตาที่มักออกมาช่วยผู้คนที่หลงป่า

หลังจากนั้นมีหลักฐานว่าพวกเขาได้เดินทางผ่านทางนั้นมาจริงๆ ดูจากพลาสเตอร์ที่พวกเขาใช้ในการเดินเมื่อคืน ส่วนพื้นที่ที่มีแสงไฟของรถ

มอเตอร์ไซค์ออกมานั้นแท้จริงแล้วก็เป็นพุ่มไม้สูงที่ไม่น่าจะมีอะไรผ่านมาได้

จากนั้นเมื่อบอยกลับไปถึงบ้าน แม่ของเขาทักว่าพาใครตัวใหญ่ตาสีแดงมาด้วย บอยเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้พี่สาวฟังแล้วพี่สาวก็ไปเล่าให้แม่

ฟังในระหว่างการพูดคุยกับพี่สาวแม่ของบอยได้ยินเสียงตะคอกดังมาว่า‘ให้มันไปขอขมากู’

เมื่อรู้เรื่องทั้งหมกแม่จึงพาบอยไปขอขมากับพระ ถวายสังฆทาน และอาบน้ำมนต์

ความห่วงใยของคนในอดีตและการส่งต่อความสวยงาม
เรื่องราวทั้งหมดอาจเกิดขึ้นจากสาเหตุหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ตำนาน ความเชื่อ อุบัติเหตุ ความรู้เท่าไม่ถึงการ ไปถึง

การท้าทายต่อธรรมชาติและสิ่งที่เราไม่รู้จัก สุดท้ายจึงโยงมาสู่เรื่องของการทำพิธีและข้อปฏิบัติต่างๆ ในการเดินเข้าป่า

พิธีกรรมทั้งหลายก่อนเข้าป่าอาจมีความเชื่อ ในทางที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้

และหลายครั้งที่เราละเลยถึงความสำคัญของธรรมชาติ โดยที่อาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม

การไม่เห็นความสำคัญเหล่านี้ อาจเป็นต้นเหตุในการทำลายความสวยงามของป่าก็ได้

อย่างที่เห็นกันตามสถานที่ท่องเที่ยว ภาพที่มีขยะที่เกิดจากนักท่องเที่ยว หรือการกระทำที่ไม่ให้เกียรติต่อธรรมชาติ

พฤติกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแค่เป็นการท้าทายสิ่งที่มองไม่เห็น แต่มันเป็นการทำลายความสวยงามของธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย

การท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติกลับมาเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวอย่างมากแต่ก็มีนักท่องเที่ยวมากมายที่มีนิสัยมักง่ายละเลยต่อการดูแล

ธรรมชาติ พิธีกรรมต่างๆ ในอดีต

ถ้ามองในแง่วิทยาศาสตร์อาจจะดูเหมือนไร้สาระ แต่ถ้าเรามองว่ามันเป็น คำเตือนและความห่วงใยของคนในอดีต ก็นับว่ามีเหตุผลเพียงพอที่เรา

จะปฏิบัติตามไม่ใช่เพียงเพื่อผืนป่าในยุคของเรา และจะดีกว่าไหมถ้าสามารถส่งต่อสิ่งดีๆ เหล่านี้ไปยังคนรุ่นต่อไปได้ด้วย

การช่วยกันรักษาผืนป่าไม่เพียงเป็นหน้าที่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่มันเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะรักษาและดูแลความสวยงามของผืนป่าต่อไป

ตราบนานเท่านาน . . .

 

ขอบคุณที่มาข้อมูล : https://www.enter-books.com/ตามล่า-5-ตำนาน-ผืนป่าลี้ล/

ความเห็นถูกปิด