เรื่องเล่าลึกลับ พระใหม่กับเปรต ตอนที่ 3
ผมจ้องดูมันต่อ ในใจก็กลัว แต่ขามันก้าวไม่ออก คงเกิดอาการช็อค ตาผมก็หลับไม่ได้ เหมือนเจ้าสิ่งนั้นมันอยากให้ผมจ้องดูมันตลอด หลังจากนั้น เจ้าสิ่งนั้นมันเริ่มทำอะไรบางอย่าง มันยกมือของตัวเองขึ้น เอานิ้วเข้าปากแล้วกัด กัดจนนิ้วขาด!! แล้วมันก็เอานิ้วที่ขาดปามาที่กุฏิ เสียงนิ้วกระทบกับฝากุฏิไม้ดัง ‘ปุๆๆ’ มันกัดๆๆ แล้วปามาที่กุฏิจนครบ 10 นิ้ว มันยังแหกปากร้องไม่หยุด แต่มันไม่สามารถเดินเข้ามาใกล้ได้มากกว่านั้น ไม่รู้เพราะอะไร? แค่นั้นยังไม่พอ คราวนี้มันเริ่มใช้ปากกัดเนื้อที่แขนมัน แล้วกลืนลงคอไปทีละชิ้นๆ คราวนี้ล่ะ ผมอยู่ไม่ได้แล้ว มันสยดสยองเกินไปแล้ว ผมรวบรวมพลังทั้งหมดแหกปากตะโกน ‘ช่วยด้วย!!!!!!’ แต่เหมือนไม่มีใครได้ยินผมเลย ผมตะโกนซ้ำๆ อยู่นาน ‘ช่วยด้วยๆๆๆ’ เหงื่อแตกเต็มหลัง พระพี่เลี้ยงที่นอนอยู่ก็ไม่เห็นจะลุกมาช่วยอะไร เจ้าสิ่งนั้นมันก็แทะแขนต่อไปจนเห็นกระดูกขาวโพลน ผมจะช็อคตายอยู่แล้ว ท้องไส้ปั่นป่วน อวกพุ่งออกมาแบบไม่รู้ตัว ทั้งภาพที่เห็น ทั้งกลิ่นคาวเลือด ทั้งเสียงนรก ‘อี๊ดดดๆๆ จี๊ดดๆๆ’ มันจะทำให้ผมบ้าตายแน่ๆ ผมขยับไม่ได้ ก้าวไม่ออก หลับตาก็ไม่ได้ ผมตายแน่ๆ ผมคิดในใจ.. คงหัวใจวายในไม่ช้านี้ ภาพตรงหน้ามันสยองเกินรับไหวแล้ว
เจ้าสิ่งนั้นยังไม่หยุด มันใช้มือที่เหลือแต่กระดูกขาวๆ ชกๆ ไปที่ท้องที่บวมเหมือนลูกโป่งของมัน ชกแล้วชกอีกจนพุงมันแตก! ไส้ทะลักออกมาเป็นยวง กลิ่นขี้ กลิ่นคาวเลือดเน่าๆ เหม็นตลบไปหมด จนผมอวกออกมาอีกครั้ง แล้วก็ฉี่แตกเลย ด้วยความกลัวจัด ตาผมลาย หูมีเสียงวิ้งๆๆ เหมือนจะเป็นลมแล้ว ผมคงใกล้ช็อคตายแล้ว นึกในใจ มันคงเป็นพาดหัวข่าวที่ทุเรศน่าดู ‘พระใหม่ช็อค ขี้เยี่ยวแตกตายคากุฏิ’ ก่อนสติจะออกจากร่าง ผมนึกได้อย่างเดียว สวดมนต์สิ คนใกล้ตายต้องสวดมนต์ เริ่มตั้งใจสวดเท่าที่สวดได้ คิดบทอะไรได้ก็สวดไปหมด รวมถึงแผ่เมตตาด้วย ..ดูเหมือนเจ้าสิ่งนั้นจะหยุดทำอะไรอุบาทว์ๆ ลงหลังจากที่ผมสวดมนต์แผ่เมตตา มันค่อยๆ ทรุดตัวลง แขนขาผิวหนัง ท้องที่แตกของมัน เหมือนจะค่อยๆ มีเนื้อมีหนังพอกพูนขึ้นมาเหมือนเดิม แล้วมันก็ค่อยๆ หันหลังแล้วคลานกลับไปที่ป่าไผ่เหมือนตอนที่มันออกมา ผมท่องบทสวดมนต์จนเห็นมันลับหายไปในกอไผ่ ร่างกายผมเริ่มกลับมาควบคุมได้ ตาเริ่มหลับได้ ขาเริ่มก้าวแบบสั้นๆ ออกมาจากหน้าต่างได้ ผมค่อยๆ ทรุดลงกับพื้น คลานมาที่เสื่อแล้วสติผมก็ดับวูบไปเลย..
จนเช้า พระพี่เลี้ยงมาปลุก ผมจับไข้ หนาวสั่นไปหมด ลุกจากที่นอนไม่ขึ้น จนหลวงตาต้องมาตามว่าจะเดินทางกลับแล้ว แต่เห็นสภาพผมแล้วก็ต้องอยู่ต่ออีกคืนเพื่อพักฟื้น หลังจากคืนนั้น ผมก็ไม่ได้ยินหรือเห็นอะไรอีก นอนตั้งแต่ค่ำจนเช้าอีกวัน อาการไข้เริ่มดีขึ้น จนเกือบหายดี สามารถเดินทางได้แล้ว ก็ไปร่ำลาเจ้าอาวาสวัดป่า แล้วเหมือนท่านจะรู้ แกล้งแซวผม ‘ถึงกับจับไข้เลยหรือพระใหม่..’ ผมก็ยิ้มๆ แล้วท่านก็เล่าให้ฟังว่า นานมาแล้วสมัยท่านยังหนุ่ม มาบุกเบิกที่วัดใหม่ๆ ตอนนั้นข้างๆ วัดมีบ้านโยมคนหนึ่ง แกชอบเอาเปรียบ ชอบโกงที่วัด เวลาปลูกอะไร หรือทำสวน ชอบล้ำที่วัดเข้ามา จะเอาที่วัดให้ได้ เคยทะเลาะกับเจ้าอาวาสอยู่หลายครั้ง จนมีครั้งหนึ่ง โยมคนนั้นแอบเอาปืนมายิงเจ้าอาวาส แต่พลาด ปืนแก๊ปที่แกประดิษฐ์เองเกิดระเบิด ทำเอานิ้วมือแกขาดไปหลายนิ้ว แทนที่จะเข็ดหลาบ แกยังจองเวรเจ้าอาวาส อย่างพอที่วัดเลี้ยงไก่เพื่อจะเอาไข่มาฉัน โยมคนนั้นก็แกล้งปล่อยหมาให้มาฉีกกินไก่ที่วัดจนตายเรียบทุกทีไป สุดท้ายเวรกรรมคงตามทัน แกตัดต้นไผ่หลังวัดไปขาย บรรทุกใส่รถอีแต๋นไป ทำอีท่าไหนไม่รู้ จะกลับรถ โดนรถบรรทุกชนแล้วทับช่วงตัวแกจนท้องแตก ไส้พุงทะลักเต็มถนน ด้วยผลกรรมที่แกทำหนักหนานัก แกจึงต้องมารับกรรมเป็นเปรตอยู่หลังวัดนี่ล่ะ วันดีคืนดีก็จะได้ยินเสียงแกร้องขอส่วนบุญ ยิ่งมีพระใหม่ๆ มาจำวัด เปรตโยมคนนั้นก็จะมาขอส่วนบุญทุกราย.. เล่าจบ ท่านเจ้าอาวาสก็ให้ศีลให้พรพวกเรา เราก็ลาท่านกลับในวันนั้นเอง ..เรื่องที่ผมเจอ ผมก็กลับมาเล่าที่วัดให้เณร ให้พระรุ่นน้องฟัง ทำเอาขนลุกไปตามๆ กัน บาปบุญมีจริง เวรกรรม เปรต อสุรกายก็มีจริงเช่นกัน ผมเชื่อเพราะได้เห็นได้สัมผัสมากับตัว จงทำแต่ความดีไว้เถิด ตายไปจะได้ไม่ต้องไปเป็นเปรต อสุรกาย หรือสัตว์นรก
เครดิตแหล่งข้อมูล : thehouse.online
https://xfile.teenee.com/ghost/3259.html
ความเห็นถูกปิด