เรื่องเล่า ทางเดินใต้ดินจากเพชรบุรีมาราชบุรี ตอนที่ 2
ครั้นแล้วพระรูปหนึ่งก็ออกความคิดว่า ตนจะย่อตัวให้พระอีกรูปหนึ่งเหยียบบ่าขึ้นไปชะโงกมอง เผื่อจะเจอมนุษย์มนามาช่วนสักคนก็ยังดี
พระรูปหนึ่งอาสาทำหน้าที่เป็นกล้องสองทาง ได้เหยียบบ่าของเพื่อนและเหนี่ยวขอบกำแพงขึ้นไป ทันใดนั้น เพียงแค่ชะโงกดูแล้วหันกลับมายิ้ม พระเคราะห์ร้ายก็ถูกอะไรไม่ทราบ ดูดดึงร่างหายวับไปยังฝั่งโน้นโดยไม่ทันร้องสั่งอะไรเลย
พระที่เหลือตกตะลึง ขยี้ตาคิดเหมือนว่าตัวเองฝันไป จะป่ายปีนต่อตัวขึ้นไปด้วยวิธีเดิมก็กลัวถูกดูดหายไปทันทีอีก อย่ากระนั้นเลย จงเอารัดประคดมาผูกกับตัวเองให้แน่นเสียก่อนเถิด จากนั้นให้เพื่อนที่เหลือคอยดึงเอาไว้ เวลาเกิดเป็นอะไรไป อย่างน้อยเพื่อนคงช่วยดึงกลับลงไปได้ทัน
เมื่อตกลงกันแล้ว พระรูปหนึ่งก็เอารัดประคดผูกเอวเหยียบบ่าเพื่อนขึ้นไป พอปีนขึ้นไปยังไม่ทันไร แค่ยิ้งหน่อยหนึ่งก็ทำท่ากระโดดข้ามไปทางฝั่งโน้นอีก พระข้างล่างเห็นท่าไม่ดีรีบดึงสายรัดประคดโดยแรง ทำให้พระรูปนั้นตกลงมากระแทกพิ้นกลายเป็นคนง่อยใบ้ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย
พระสองรูปที่เหลือไม่รู้จะทำอย่างไร จะทิ้งเพื่อนเสียก็เป็นห่วงเป็นใย จำต้องยอมออกแรงแบกหามกะร่องกะแร่งกันตามยถากรรม เวลานั้นกี่โมงยามแล้วก็ไม่รู้ได้ เวลาผ่านไปในความมืดมน นอกจากจะขวัญเสียแล้วยังเหนื่อยเพลียมิได้สร่างซา
พระภิกษุเจ้ากรรมคลำทางเรื่อยมาจนถึงตึกหลังหนึ่ง รู้สึกดีใจ หวังจะได้หยุดพักหลับนอนเสียที ก่อนถึงตัวตึกท่านสังเกตุเห็นขึ้แพะหล่นล่วงเป็นเม็ดอยู่เกลื่อนกลาด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก รีบหย่อนตัวลงเอนกายาพักผ่อนทันที
นอนไปเพียงคู่เดียว ยังไม่ทันหายเหนื่อยก็มีแพะเข้ามาหลายสิบหลายร้อยตัว ดูสับสนอลหม่านแออัดไปหมด ทันใดเจ้าของแพะก็เดินตามเข้ามา พระท่านว่าเจ้าของแพะนั้นร่างสูงใหญ่เหมือนยักษ์ หน้าตาหรือก็อัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัวเสียนี่กระไร ดวงตาของมันมีเพียงดวงเดียว แต่เคาะห์ดีอยู่หน่อย มันไม่ได้สนใจว่ามีใครแอบแฝงอยู่ในที่ของมันเลย พอเข้ามาแล้ว ก็ปิดประตูนอนหลับไปในบัดดล เสียงกรนของมันดังสะท้านถ้ำ ทำให้พระทั้งสามรู้สึกหนาวจนเย็ยยะเยือกไปทุกขุมขน
ที่มา:
เอนก นาวิกมูล. (2551). หมอสูน คนดี. กรุงเทพฯ : แสงดาว. (หน้า 133-137)
http://rb-history.blogspot.com/search/label/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%A5
ความเห็นถูกปิด