เล่าขานตำนานสงกรานต์ไทย กับเกร็ดน่ารู้ในงานเทศกาลสงกรานต์ ตอนที่ 1

113

เล่าขานตำนานสงกรานต์ไทย กับเกร็ดน่ารู้ในงานเทศกาลสงกรานต์ ตอนที่ 1

คำว่า “สงกรานต์” มาจากภาษาสันสกฤต “สํ-กรานต” แปลว่า ย่างขึ้น ก้าวขึ้น การย้ายที่ หรือ เคลื่อนที่ คือช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ย่างจากราศีมีนสู่ราศีเมษ

วันมหาสงกรานต์ (13 เมษายน) วันมหาสงกรานต์เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ย่างสู่ราศีตั้งต้นปีใหม่ จึงเป็นการก้าวขึ้น หรือย่างขึ้นครั้งใหญ่ หมายถึง ใหม่

วันเนา (14 เมษายน) คำว่า “เนา” แปลว่า “อยู่” หมายความว่าเป็นวันถัดจากวันมหาสงกรานต์มา 1 วัน วันเนาเป็นวันที่ดวงอาทิตย์เข้าที่เข้าทาง ในวันราศีตั้งต้นใหม่เรียบร้อยแล้ว คือ อยู่ประจำที่แล้ว

วันเถลิงศก (16 เมษายน) คือ “วันขึ้นศก” เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ การที่เปลี่ยนวันขึ้นศกใหม่มาเป็นวันที่ ๓ ถัดจากวันมหาสงกรานต์ก็เพื่อให้หมดปัญหาว่าการย่างขึ้นสู่จุดเดิมสำหรับต้นปีนั้นเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาเพราะอาจมีปัญหาติดพันเกี่ยวกับชั่วโมง นาที วินาที ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ที่จะเปลี่ยนศกถ้าเลื่อนวันเถลิงศกหรือวันขึ้นจุลศักราชใหม่มาเป็นวันที่ 3 ก็หมายความว่าอย่างน้อยดวงอาทิตย์ได้ก้าวเข้าสู่ราศีใหม่ไม่น้อยกว่า 1 องศา แล้วอาจจะย่างเข้าองศาที่ 2 หรือที่ 3 ก็ได้

ตามจารึกในวัดพระเชตุพนฯ ได้กล่าวถึงตำนานสงกรานต์เอาไว้ว่า “ท้าวกบิลพรหมได้แพ้พนันการทายปัญหาแก่ธรรมบาลกุมาร จนต้องตัดเศียรตามสัญญา แต่เนื่องจากพระเศียรของพระองค์ตกไปอยู่ที่ใดจะเป็นอันตรายต่อที่นั้น หากตั้งไว้บนแผ่นดินจะเกิดไฟไหม้ โยนขึ้นบนอากาศฝนจะแล้ง ทิ้งลงในมหาสมุทรน้ำจะแห้ง

ดังนั้น ธิดาทั้งเจ็ดจึงต้องนำพานมารองรับ และนำไปประดิษฐานไว้ในถ้ำคันธชุลี ณ เขาไกรลาส ครั้นถึงกำหนด 365 วัน ซึ่งโลกสมมุติว่าเป็นปีหนึ่งเวียนมาถึงวันมหาสงกรานต์ เทพธิดาทั้งเจ็ดจะทรงพาหนะต่างๆ ผลัดเวรกันมาเชิญพระเศียรของบิดาออกแห่รอบเขาพระสุเมรุ”

จึงเกิดเป็น “ตำนานนางสงกรานต์” ซึ่งเป็นคติความเชื่ออยู่ในตำนานสงกรานต์ ว่า ทุก ๆ หนึ่งปี ธิดาทั้งเจ็ดของท้าวกบิลพรหม จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำหน้าที่อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมแห่ไปรอบเขาพระสุเมรุ ซึ่งการกำหนดเรื่องของนางสงกรานต์เป็นกุศโลบายเพื่อให้คนโบราณซึ่งยังไม่มีปฏิทินบอกวันเวลาและคนยังรู้หนังสือกันน้อยได้รู้ว่า วันมหาสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามสุริยคติตรงกับวันใด ทางการจึงได้ใช้ภาพของนางสงกรานต์ทั้ง ๗ เทียบกับแต่ละวันในสัปดาห์ โดยแต่ละนางจะมีนามเรียกประจำตน ภักษาหาร อาวุธ และสัตว์ที่เป็นพาหนะแตกต่างกันตามแต่ละวัน

นางสงกรานต์นามว่า มโหทรเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกสามหาว(ผักตบชวา) อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย หัตถ์ขวาทรงจักร หัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จไสยาสน์หลับเนตร(นอนหลับตา) มาเหนือหลังมยุรา(นกยุง) เป็นพาหนะ

 

ที่มา : https://news.thaipbs.or.th/content/161270

ความเห็นถูกปิด